คู่มือเลือกซื้อโต๊ะกินข้าวหลุยส์: วัสดุ ขนาด สี และ ดีไซน์ที่ต้องรู้

เคล็ลับการเลือกซื้อโต๊ะกินข้าวหลุยส์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

เฟอร์นิเจอร์ในบ้านที่ขาดไม่ได้เลยคือ โต๊ะกินข้าวที่ ถือ เป็นหัวใจของห้องรับประทานอาหาร เพราะไม่เพียงแต่เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในการรับประทานอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของการพบปะ พูดคุย และ สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือ แขกผู้มาเยือน โต๊ะกินข้าวหลุยส์ (Louis Dining Table) เป็นอีกหนึ่งในสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา อ่อนช้อย และ แฝงไปด้วยความคลาสสิกเหนือกาลเวลา แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อโต๊ะกินข้าวหลุยส์ไม่ใช่แค่การเลือกโต๊ะที่สวยงาม แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น วัสดุที่ใช้ทำ ขนาดที่เหมาะสม สีที่เข้ากับบ้าน รวมไปถึงดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทั้งความงาม และ การใช้งานจริง ดังนั้นบทความนี้จึงเป็นคู่มือที่ละเอียดครบถ้วน เพื่อช่วยให้คุณเลือกโต๊ะกินข้าวหลุยส์ได้อย่างคุ้มค่า และ ตรงใจที่สุด

ทำความรู้จักกับโต๊ะกินข้าวหลุยส์

เข้าใจความเป็นมาของสไตล์หลุยส์กันก่อนว่า สไตล์หลุยส์ (Louis Style) เริ่มต้นขึ้นในฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 17–18 ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14–16 โดยเฟอร์นิเจอร์นั้นจะมีเอกลักษณ์เป็น การตกแต่งอย่างประณีต เส้นสายโค้งมน ลวดลายแกะสลักวิจิตร และ การใช้วัสดุคุณภาพสูง สะท้อนถึงความหรูหรา และ อำนาจของราชวงศ์

โดยจุดเด่นของโต๊ะกินข้าวหลุยส์ ประกอบไปด้วยการมี ลวดลายแกะสลัก ที่ละเอียดอ่อน มักเป็นลายดอกไม้ ใบไม้ หรือ เส้นโค้งอ่อนช้อย อีกทั้งยังมีเสาขาโต๊ะโค้งมน แบบ Cabriole Legs ที่ทำให้ดูสง่างาม
รวมถึงการที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น ไม้จริง หินอ่อน หรือ กระจก และ ยังมีดีไซน์ที่ความหรูหราเหนือกาลเวลา ไม่ตกยุคง่าย แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม

วัสดุที่มักใช้ทำโต๊ะกินข้าวหลุยส์

โดยเราจะพบว่าวัสดุที่ทำโต๊ะกินข้าวหลุยส์มักเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งความสวยงาม ความทนทาน และ ราคา โดยวัสดุที่นิยมได้แก่

1. ไม้เนื้อแข็ง (Solid Wood)
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ไม้นั้นจะมีลักษณะ ทำจากไม้จริง เช่น ไม้โอ๊ค ไม้สัก หรือ ไม้ยางพารา ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหรา และ มีลายไม้ธรรมชาติ โดยมีข้อดีที่ทนทานสูง สามารถใช้งานได้นาน 10-20 ปี หากดูแลดี อีกทั้งยังมีความสวยงาม ลายไม้ และ การแกะสลักจะทำให้ดูคลาสสิก เหมาะกับสไตล์หลุยส์แท้ และ ให้ความรู้สึกอบอุ่น เนื่องจากไม้เนื้อแข็งให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ และ หรูหรา
   
   แต่ก็มีข้อเสียที่มีราคาสูงโต๊ะกินข้าวหลุยส์จากไม้โอ๊คอาจมีราคา 50,000-100,000 บาท ยังมีน้ำหนักมากยากต่อการเคลื่อนย้าย และ ต้องการการดูแลขัดเงา และ หลีกเลี่ยงความชื้นเพื่อป้องกันบวม หรือ ผุ
   
   
2. ไม้เอ็มดีเอฟ (MDF) หรือ ไม้อัด
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ไม้เอ็มดีเอฟมีลักษณะทำจากไม้บดอัด และ เคลือบด้วยลายไม้ หรือ สี เพื่อเลียนแบบไม้จริง จะมีข้อดีที่มีราคาถูก เริ่มต้นที่ 10,000-30,000 บาท อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย และ ติดตั้ง และ มีความหลากหลาย สามารถทำลวดลายแกะสลักได้ง่าย และ มีสีให้เลือกมากมาย
   
   แต่ก็มีข้อเสียที่มีความทนทานต่ำ อาจบวมเมื่อโดนน้ำ หรือ ความชื้นได้ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกไม่หรูหราเท่าไม้จริงลายไม้อาจดูปลอมหากเคลือบไม่ดี และ มีอายุการใช้งานสั้นเพียงประมาณ 5-10 ปี
   
   
3. กระจก หรือ แก้ว
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ประเภทนี้นั้นจะมีลักษณะเป็น โต๊ะหลุยส์ที่ใช้กระจกเป็นหน้าท็อป โดยขา และ โครงเป็นไม้ หรือ โลหะ จะมีข้อดีที่มีความสวยงาม จากกระจกที่ทำให้โต๊ะดูโปร่ง และ หรูหรา สามารถเห็นลายไม้หรือ ลวดลายด้านล่างได้ รวมถึงยังทำความสะอาดง่าย เช็ดคราบได้รวดเร็ว ไม่ซึมเข้าเนื้อ และ มีความทันสมัย:ผสมผสานสไตล์หลุยส์กับโมเดิร์นได้ดี
   
   แต่ก็มีข้อเสียที่มีราคาสูง กระจกนิรภัยมีราคาแพง (30,000-80,000 บาท) อาจมีน้ำหนักมาก และเปราะง่าย เสี่ยงแตกหากกระแทกแรง และ เป็นรอยขีดข่วนง่าย ต้องใช้ที่รองแก้ว หรือ จานเพื่อป้องกันรอยต่างๆ
   
   
4. โลหะ หรือ เหล็กชุบโครเมี่ยม
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ประเภทนี้จะมีลักษณะเป็น ขาโต๊ะ หรือ โครงทำจากโลหะชุบโครเมี่ยม หรือ ทองผสมกับหน้าท็อปไม้ หรือ กระจก จะมีข้อดีที่มีความทนทานสูง ทนต่อการกัดกร่อน และ ใช้งานหนักได้ ยังมีความหรูหราด้วย สีทอง หรือ เงินจะทำให้ดูแพง และ คลาสสิก และยังมีน้ำหนักเบาง่ายต่อการเคลื่อนย้าย
   
   แต่ก็มีข้อเสียที่มีราคาแพง โลหะชุบโครเมี่ยมมีราคาสูงถึง (40,000-90,000 บาท) อาจมีเสียงดังเมื่อกระทบ อาจรบกวนหากมีเด็กเล็กในบ้าน และ เป็นรอยขีดข่วนง่ายต้องหลีกเลี่ยงของมีคมด้วย

วิธีการเลือกขนาดโต๊ะกินข้าวหลุยส์

การเลือกขนาดโต๊ะกินข้าวหลุยส์ที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความสะดวกสบาย และ สมดุลกับพื้นที่

1. หลักการเลือกขนาด
   ต้องเหลือโต๊ะกินข้าวหลุยส์ให้มีพื้นที่รอบโต๊ะอย่างน้อย 90 ซม. เพื่อให้เดินได้สะดวก โดยขนาดมาตรฐานความสูงของโต๊ะควรประมาณ 75–80 ซม.
2. ขนาดตามจำนวนที่นั่ง
   ควรเลือกโต๊ะกินข้าวหลุยส์ ให้เหมาะกับสมาชิกที่ต้องการใช้งาน เช่น 4 ที่นั่งเหมาะกับครอบครัวเล็ก หรือ คอนโด (กว้าง 90–120 ซม.) , 6 ที่นั่งเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง เหมาะกับครอบครัวทั่วไป (กว้าง 150–180 ซม.) และ 8–10 ที่นั่ง เหมาะกับบ้านใหญ่ ใช้รับแขกบ่อยๆ (กว้าง 200–250 ซม.) เป็นต้น

แนะนำดีไซน์โต๊ะกินข้าวหลุยส์ที่ควรรู้

1. ทรงกลม (Round)
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ทรงกลม จะเหมาะกับครอบครัวที่ต้องการความอบอุ่น สนทนาง่าย แต่ไม่เหมาะกับห้องแคบมากๆ
2. ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangular)
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นทรงที่พบมากที่สุด เหมาะกับครอบครัวใหญ่ ที่ใช้พื้นที่คุ้มค่า
3. ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square)
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะเหมาะกับครอบครัวเล็ก หรือ คอนโด ที่มีขนาดกะทัดรัด
4. ทรงรี (Oval)
   โต๊ะกินข้าวหลุยส์ทรงรีจะเป็นการผสมผสานความหรูหรากับความเป็นมิตร นั่งได้หลายคนโดยไม่ดูแข็งเกินไปนั้นเอง

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าโต๊ะกินข้าวหลุยส์ไม่ใช่แค่เฟอร์นิเจอร์สำหรับรับประทานอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นงานศิลปะที่สะท้อนรสนิยมของเจ้าของบ้าน การเลือกซื้อโต๊ะกินข้าวหลุยส์จึงควรพิจารณาหลายด้าน ทั้งวัสดุ ขนาด สี และ ดีไซน์ เพื่อให้ได้โต๊ะที่ทั้งสวยงาม ใช้งานได้จริง และ เข้ากับบรรยากาศของบ้านอย่างลงตัว หากเลือกอย่างรอบคอบ โต๊ะกินข้าวหลุยส์จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คุณสามารถใช้ได้ยาวนาน และ ยังช่วยเติมเต็มความหรูหรา และ ความอบอุ่นให้กับบ้านได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย ดังนั้นหากสนใจโต๊ะกินข้าวหลุยส์เราขอแนะนำ ทรัพย์วราเฟอร์นิเจอร์ ศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ และ โต๊ะกินข้าวหลุยส์ชั้นสูงนำเข้าจากยุโรปครบวงจร เราคัดสรรเฉพาะเฟอร์นิเจอร์หรูหรา และ ของแต่งบ้านที่มีความสวยงามโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ล้วนแกะสลักด้วยมือซึ่งมีความละเอียดอ่อน และ ประณีตสวยงาม แผ่นทองคำเปลวที่ใช้แปะบนเฟอร์นิเจอร์หลุยส์เป็นแผ่นทองคำเปลวที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของทรัพย์วราซึ่งสามารถรองรับทุกความต้องการของท่านได้เป็นอย่างดี ทรัพย์วราจึงเป็นที่รู้จัก และ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างกว้างขวาง ทั้งนักการเมือง, เซเลบริตี้ รวมไปถึงดารามากมายซึ่งล้วนแล้วแต่ประทับใจในบริการแบบครบวงจรของทรัพย์วรา

ติดต่อสอบถาม

ทรัพย์วราเฟอร์นิเจอร์ 

1214 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

โทร. 02-515-0856, 02-515-0857